วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เต่าจักร




เต่าจักร


        เต่าจักร ภาษาอังกฤษเรียกว่า Spiny turtle, Spiny terrapin และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Heosemys spinosa  จัดอยู่ในคลาส sauropsida ออร์เดอร์ testudines แฟมิลี่ bataguridae  ที่มาของชื่อเต่าจักรหรือเต่าหนามเพราะรอบกระดองของมันจะมีหนามแหลม อยู่เรียงรอบๆคล้ายกรงจักร
 เป็นเต่าชนิดหนึ่งที่ค้นพบได้แหล่งที่ชุมชื้นในป่าดิบประเทศบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า ฟิลิปินส์ สิงค์โปร์ และไทย ส่วนในประเทศไทยเราเองจะค้นพบได้ทางภาคใต้ของไทย (ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีฯ)
ยะลาและนราธิวาส
        เต่าจักรจัดอยู่ในหมู่สัตว์กินพืช อาหารหลักของมันส่วนใหญ่คือพืชผัก ผลไม้และใบไม้
        เต่าจักรก็เป็นสัตว์เลื้อยคลานเหมือนกับเต่าชนิดอื่นๆ มันจะกระจายพันธุ์ด้วยวิธีการวางไข่ในรังที่มันได้สร้างมา เต่าตัวเมียวางไข่ในช่วงเวลากลางคืน สามารถวางไข่ได้ 3 ครั้่งต่อปี มีระยะเวลาฟักเป็นตัวนานประมาณ 106, 110, และ 145 วัน
        
ลักษณะของเต่าจักร
        เป็นเต่าน้ำจืดขนาดเล็ก กระดองหลังค่อนข้างแบน มีสันหนาเป็นเส้นกลางแผ่นเกล็ดสันหลังทุกแผ่น  เกล็ดที่ขอบกระดองเป็นหนามแหลมรอบตัว คล้ายจักร มีตุ่มหลายตุ่มบนแผ่นเกล็ดชายโครงแต่ละแผ่นและจะหาย เมื่อโตเต็มวัยจะมีกระดองหลังโดยวัดจากเกล็ดเหนือต้นคอ พาดตามแนวกลางของ
ความยาวกระดองหลังมาจรดที่ปลายเกล็ดเหนือโคนหางยาวประมาณ 20 เซนติเมตร น้ำหนักไม่เกิน 6.5 กิโลกรัม ขาหน้าไม่มีผังพืด กระดองหลังสีน้ำตาลแดง กระดองท้องและด้านข้างแผ่นเกล็ดขอบกระดองออกสีเหลืองหรือสีส้ม และมีเส้นลายสีน้ำตาลดำ ขาสีน้ำตาลดำเกล็ดลำตัวออกสีชมพูอ่อน ผิวสีน้ำตาลเทา ส่วนหัวสีน้ำตาล
        เต่าจักร เป็นเต่าที่อาศัยอยู่บนบกมากกว่าอยู่ในน้ำ โดยมักจะอยู่ในสภาพพื้นที่ ๆ มีความชุ่มชื้นและมีอุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็นมากกว่า และพบได้ในที่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 900 เมตร


ที่มา http://ms.wikipedia.org/wiki/Kura-kura_Duri#Makanan
          http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3
        

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ต้นข่อย






ต้นข่อย

        ต้นข่อยมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Streblus asper Lour มีชื่อทางการค้าหรือชื่อสามัญว่า Siamese rough bush, Tooth brush tree อยู่ในวงศ์ Moraceae 
        ต้นข่อยเป็นทั้งไม้ประดับใว้ประดับในสวนบ้านและเป็นทั้งพืชที่มีคุณค่าทางสมุนไพรไว้รักษา ทุกสวนของต้นข่อยมีคุณสมบัติเป็นสมุนไพร ปลุกขึ้นง่าย ทนต่อทุกสภาพเเวดล้อม ตายยาก ส่วนมากแล้วคนจะนำเอาใบมารูดปลาไหลเพื่อไม่ให้มันลื่น แล้วก็ยังนิยมใช้กิ่งข่อยสดมาสีฟัน โดยตัดเป็นท่อนๆ และทุบปลายข้างหนึ่งให้แตกเป็นซี่ ๆ สีไปเคี้ยวไป ทำให้ฟันสะอาด  คงทน  ช่วยป้องกันฟันผุด้วย อีกทั้งในยาสีฟันสมัยนี้ส่วนหนึ่งของสมุนไหรจะประกอบไปด้วยสมุนไพรจากข่อย

        ไม้ต้น แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มทึบ กิ่งก้านคดงอ เปลือกต้นบาง ขรุขระเล็กน้อย สีเทาอมเขียว มียางสีขาวข้น ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียน รูปรี กว้าง 2-4 ซม. ยาว 4-8 ซม. โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก แผ่นใบสีเขียว สากมือ เนื้อใบหนาค่อนข้างกรอบ ดอก ออกเป็นช่อสั้นตามซอกใบ ดอกย่อยเล็กมาก ดอกแยกเพศ ดอกเพศผู้รวมกันเป็นช่อกลม ก้านดอกสั้น ดอกเพศเมียช่อหนึ่งมีดอกย่อย 2 ดอก ก้านดอกยาว ผล รูปทรงกลม ผลมีเนื้อ ผนังผลชั้นในแข็ง เมื่ออ่อนสีเขียว สุกเป็นสีเหลืองใส เมล็ดเดี่ยว แข็ง กลม

การปลูกและการดูแลรักษา

         หากปลูกลงดิน ขนาดหลุมปลูก 50 x 50 x 50 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูก
หากปลูกใส่กระถาง ควรใช้กระถางทรงสูงขนาด 12–24 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วนอัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก และควรเปลี่ยนกระถางทุก ๆ 2–3 ปี หรือตามการเจริญเติบโตของต้นข่อย
การดูแลรักษา

แสง    ต้องการแสงแดดจัดหรือกลางแจ้ง
น้ำ       ต้องการน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5–7 วัน/ครั้ง
ดิน      ดินร่วนซุย
ปุ๋ย      ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1–2 กิโลกรัมต่อต้น ใส่ปีละ 4–5 ครั้ง

การขยายพันธุ์

       ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปักชำ ซึ่งวิธีที่นิยมและได้ผลดีคือการปักชำ หรือจะขุดล้อมจากธรรมชาติมาปลูกเลี้ยงก็ได้ แต่ควรมีขนาดลำต้นไม่เกิน 3 เซนติเมตร เพราะหากโตกว่านี้จะเลี้ยงรอดยาก

สรรพคุณทางยา


กิ่งข่อย ใช้ในการแปรง ฟันแทนแปรงสีฟันได้ แต่ต้องทุบให้นิ่มๆก่อน
เปลือก สามารถรักษาแผล แก้ท้องร่วง ดับพิษภายใน ทาริดสีดวงแก้พยาธิผิวหนัง และเมื่อต้มกับเกลือจะได้เป็นยาอมแก้รำมะนาด
ยาง มีน้ำย่อยชื่อ milk (lotting enzyme) ใช้ย่อยน้ำนม
ราก สามารถนำมารักษาแผลได้
แก่น / เนื้อ คนเชียงใหม่ใช้แก่นข่อยหั่นเป็นฝอยมวนเป็นบุหรี่สูบแก้ริดสีดวงจมูก
เมล็ด นำมารับประทานเป็นยาอายุวัฒนะได้ และทำให้เจริญอาหาร

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ไอโซพอด

Isopod
ไอโซพอด
        ไอโซพอด (Isopod) เป็นสัตว์จำพวกครัสเตเชียน(จำพวกที่อยู่ในกลุ่มของประเภท กุ้ง ปู เป็นต้น) กลุ่มที่มีความหลากหลายมากที่สุดชนิดหนึ่ง มีลักษณะและรูปร่างมากมายหลายชนิด พบอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมทุกรูปแบบ แต่จะพบได้มากที่สุดในทะเลน้ำตื้น สัตว์กลุ่มนี้มีความแตกต่างไปจากครัสเตเชียนส่วนใหญ่ เพราะสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมบนบกได้ดี  และมีชนิดหนึ่งในจำนวนหลายๆชนิดที่ดำรงชีวิตเป็นปรสิตในช่องปากของปลา รู้จักกันในชื่อว่า "ตัวกัดลิ้น (Tongue biter)" สัตว์ในกลุ่มไอ


โซพอดจัดว่าเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่พบฟอสซิลตั้งแต่ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส (จาก 360 ถึง 286 ล้านปีมาแล้ว) ซึ่งแตกต่างเพียงเล็กน้อยไปจากกลุ่ม Phreatoicidean ยุคใหม่ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืดทางซีกโลกใต้ นอกจากนั้นไอโซพอด แต่ละชนิดมีนิสัยและพฤติกรรมต่างกัน ผู้คนส่วนใหญ่มักจะรู้จัก ไอโซพอด ในรูปแบบของแมลงเช่นจำพวกปลวกที่จะพบได้ในบริเวณชื้นๆที่ค่อยมีแสงเท่าไร แต่ว่า ไอโซพอดหลายชนิดจะอยู่ในทะเลเป็นส่วนใหญ่ บางชนิดจะมีขนาดใหญ่และมีหนาม ชนิดนี้มักจะอยู่ในบริเวณแถบทะเลลึก แต่ไม่ใช่ว่า ชนิดที่อยู่ในทะเลลึกจะมีขนาดใหญ่หมดทุกตัวทุกชนิดเพราะสภาพแวดล้อมที่มันอยู่จะต้องแก่งแย่งอาหารกับสัตว์ที่มีขานดใหญ่กว่า และยังมีไอโซพอดบางชนิดที่มักจะอาศัยอยู่บริเวณก้นทะเลและบริเวณที่มีพืชในทะเลอยู่ นั้นแต่ละชนิดจะมีรูปร่างไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ว่ามันมีบางสิ่งที่คล้ายกัน (มันเลยเรียกว่า ไอโซพอด) พวกมันไม่มีเปลือกแข็งหรือกระดองหุ้มตัว มีหัวขนาดเล็กที่มีหนวด 2 คู่อยู่บริเวณหัว และมีตา 1 คู่ บริเวณปากของมันจะมี รยางค์ หรือ แขนส่วบนของมัน เป็นคู่อยู่รยางค์นี้้เราเรียกว่า maxilliped บริเวณขาของมันนั้นจะมีจำนวน 7 คู่ บริเวณนั้น ในขาข้อแรกจะไม่มีหนามอยู่
ไอโซพอด มีจำนวนเป็น 10,000 สปีชีส์ ทั่วโลก แม้กระทั่งในทะเลทราย ส่วนใหญ่แล้วจะอาศัยอยู่ในทะเล ชนิดที่อยู่ในทะเลส่วนใหญ่จะดำรงชีวิตโดยการใช้ส่วนที่เรียกว่า pleopods ในการแลกเปลี่ยนก๊าซหรือหายใจ สำหรับไอโซพอดที่อยู่บนบกจะมีการพัฒนา pleopods (พรีโอพอด) เพื่อรับอากาศเข้าไปแลกเปลี่ยนก๊าซได้ เราจะเรียกว่า pseudotrachea
        วงจรชีวิตของแต่ละชนิดจะแตกต่างกันไป แต่ในโดยส่วนใหญ่จะมีวงจรชีวิตไม่ถึงปี การสืบพันธุ์ของมันจะเกิดขึ้นเมื่อไอโซพอดเพศเมียทำการลอกคราบ โดยส่วนมากนั้น ไอโซพอดเพศเมียจะได้รับการคุ้มครองจากไอโซพอดเพศผู้โดยการแบกไอโซพอดเพศเมียไว้จนว่าจะลอกคราบ ไอโซพอดบางชนิดจะมีการผสมพันธุ์เกิดขึ้นภายในร่างกาย และบางชนิดจะมีการผสมพันธุ์ภายนอกเช่นปล่อยไข่ไว้ในโพลง ไอโซพอดจะไม่ออกมาเป็นตัวอ่อนเหมือนอย่างพวกปูหรือกุ้ง แต่จะออกมาในลักษณะของรูปแบบเยาว์วัยเลย ซึ่งเราจะสังเกตุได้จากขนาดของมัน



วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ปลาปักเป้าขน




Hairy  puffer
ปลาปักเป้าขน
                ปลาปักเป้าขน (Hairy  puffer) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Tetraodon baileyi  อยู่ในวงศ์ปลาปักเป้าฟันสี่ซี่  เป็นปลาน้ำจืดที่สำคัญชนิดหนึ่งของไทย มีลักษณะหัวโต ตาเล็กกว่าปลาปักเป้าชนิดอื่นๆ  หัวและลำตัวมีติ่งหนังแตกปลายคล้ายๆขนเรียงรายอยู่รอบๆตัว ซึ่งก็จะเป็นที่มาของชื่อมัน เมื่อติ่งหนังที่คล้ายๆขนนั้นขาดไป มันก็สามารถที่งอกขึ้นมาใหม่ได้อีก ส่วนใหญ่แล้วจะพบบริเวณแม่น้ำโขงของไทย หรือบริเวณที่เป็นแก่งหิน ลำตัวจะมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลแดงหรือสีกากี มีจุดประสีจาง ครีบหางสีน้ำตาลอมเหลือง และมีประสีคล้ำ โดยปลาที่อยู่ตามแก่งน้ำที่ไหลแรงจะมีติ่งหนังมากกว่าที่อยู่น้ำไหลช้า หรือบางตัวไม่มีเลย แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและอาหารที่มันกินไปด้วย มีขนาดลำตัวประมาณ 10 ซม.หรืออาจจะมากกว่านั้นถึง 12 ซม.





วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หมึกดัมโบ้




Dumbo octopus

หมึกดัมโบ้


         หมึกดัมโบ้ เป็นปลาหมึกน้ำลึก พันธุ์ Grimpoteuthis ที่ถูกเรียกเล่นๆ

ว่า หมึกดัมโบ้ " Dumbo octopus " เนื่องจากคลีบที่เหมือนใบหูบนหัว (แต่

ความจริง เป็นลำตัวไม่ใช่หัว) ช่างคล้ายกับ ช้างสีชมพู มีใบหูขนาดใหญ่ ซึ่ง

ทำให้ให้ช้างน้อยตัวนี้บินได้ จากการ์ตูนดังของ (Walt Disney’s) คลีบใหญ่นี้

มีประโยชน์ในการช่วยว่ายน้ำ

          เจ้าหมึกตัวนี้จะอยู่ในน้ำที่มีความลึกประมาณ 200-5000 เมตร

แล้วก็มีการค้นพบในระดับความลึกที่ 7000 เมตร เมื่อโตเต็มวัย ประมาณ 20

 เซ็นติเมตร พบได้ทุกมหาสมุทร มีร่างกายอ่อนนุ่ม และกึ่งโปล่งใส มีครีบ

ขนาดใหญ่ สองอันบนร่างกาย พังผืดยึดระหว่างหนวด ตัวผู้จะมีหนวดยาว 2

หนวดเพื่อการผสมพันธุ์

          การเคลื่อนที่ โดยใช้ครีบ และขยับหนวด ดันน้ำเข้าสู่ช่องดูดน้ำ เพื่อ

ผลักดันน้ำออกมาเป็นไอพ่น พวกมันสามารถว่ายน้ำลอยขึ้นเหนือท้องทะเลได้

เล็กน้อยเพื่อมองหาเหยื่อ จำพวก หอยทาก หนอน อื่นๆ








วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

ปูแมงมุมญี่ปุ่น


Giant Spider Crab

ปูแมงมุมญี่ปุ่น



        ปูแมงมุมญี่ปุ่น (giant spider crab หรือ stilt crab) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Macrocheira  kaempferi จัดอยู่ในวงศ์ Majidae ปูชนิดนี้มีชื่อเรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า ทาคาชิกามิ (takaashigami) แปลว่า ปูขายาว ลักษณะกระดองคล้ายรูปหัวใจกว้าง 30-45 เซนติเมตร และยาว 25-30 เซนติเมตร  และมีน้ำหนักตัว 20 กิโลกรัม ลำตัวมีสีส้ม มีจุดแต้มสีขาว มีขา 8 ขา และก้าม 2 อัน ขายาวเรียวมาก เวลาแผ่ขากางออกวัดจาปลายตีนข้างหนึ่งไปยังปลายตีนอีกข้างหนึ่งได้กว้างมากถึง 8 เซนติเมตร เวลายกก้ามหนีบขึ้นต่อสู้ ก้ามแต่ละข้างจะอยู่ห่างกันประมาณ 3 เมตร กระดองและขามีลักษณะขรุขระ เป็นปุ่มหนาม ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ที่มหาสมุทรแปซิฟิก ( Pacific Ocean ) ที่ความลึก 300 - 400 เมตร บริเวณรอบๆ เกาะญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่มาของชื่อมัน  ตั้งแต่เมืองคามาอิชิ (Kamaishi) ในเกาะ
ฮอนชูลงไปทางทิศใต้จนถึงเกาะคิวชิวที่มีพื้นทะเลเป็น ทรายหรือเป็นโคลน เนื่องจากมันทรงตัวได้ไม่ดีนัก จึงต้องอาศัยอยู่ในบริเวณน้ำนิ่งอาหารของปูแมงมุมญี่ปุ่น ก็จะเป็นพวกซากสัตว์ที่ตาย และพวกสัตว์มีเปลือก เช่น กุ้ง หอยต่างๆ ปูแมงมุมสามารถมีอายุยืนได้ถึง 100 ปี ปูชนิดนี้มีรายงานพบเป็นครั้งแรกในทวีปยุโรป ในหนังสือของ อิงเกลเบิร์ต เคมพ์เฟอร์ 
(Engelbert Kaempfer) นายแพทย์ประจำ Dutch East Indian Company ซึ่งได้เดินทางไปยัง
ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2233 ปูชนิดนี้ต่อมาจึงได้รับการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ตามชื่อของ
เคมพ์เฟอร์





วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

ฉลามครุย


Frilled shark

ฉลามครุย

        ฉลามคครุย (Frilled shark) หรือมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Chlamydoselachus anguineus ในอยู่ในวงศ์ Chlamydoselachidaeโดยคำว่า anguineus มาจากภาษาลาตินที่มีความหมายว่า เหมือนงู (snakelike) พวกมันเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ฉลามโบราณเดิมเคยเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว  แต่มีรายงานพบในหลายพื้นที่ รวมถึงในเขตน่านน้ำของญี่ปุ่น ทำให้ปลาฉลามครุยกลายเป็น "ซากดึกดำบรรพ์มีชีวิต" อีกชนิดหนึ่งของโลก เพราะเชื่อว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะเลยมาตั้งแต่ยุคครีเทเชียสจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2007 ปลาฉลามชนิดนี้ได้สร้างความฮือฮากลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั้งโลก เมื่อชาวประมงชาวญี่ปุ่นสามารถจับตัวอย่างที่ยังมีชีวิตได้ตัวหนึ่งในเขตน้ำตื้นใกล้ชายฝั่งใกล้สวนน้ำอะวาชิมา ในเมืองชิซุโอะกะทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว ซึ่งเชื่อว่าปลาตัวนี้ลอยขึ้นมาเพราะร่างกายอ่อนแอเนื่องจากความร้อนที่ขึ้นสูงของอุณหภูมิของน้ำ ซึ่งมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานก็ตายไป
        ฉลามครุย มีรูปร่างลักษณะที่แปลกประหลาดอย่างมาก ตัวมีสีน้ำตาลเข้มหรือเทา หัวมีลักษณะคล้ายกิ้งก่า มีจมูกป้านตัด มีปากขนาดใหญ่ มีฟันเรียงเป็นแถวตอนลึกประมาณ 30 ซี่ โดยฟันแต่ละซี่มีลักษณะเป็นสามง่ามเล็ก ๆ จำนวนมาก ฟันของมันทำหน้าที่เป็นตะขอนับพัน เพื่อใช้เกี่ยวเหยื่อ
ลักษณะเด่นอีกอย่างของฉลามครุยคือ มีแถบเหงือกอยู่ข้างละ 6 ริ้ว โดยเหงือกแต่ละแถบจะปรากฏเป็นฝอย ๆ ยื่นโผล่ออกมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเหงือกแถบหน้าสุดจะเป็นฝอย ๆ ยื่นใหญ่กว่าเหงือกแถบอื่น ๆ จนเหมือน และเหงือกแต่ละริ้วก็มีลักษณะลึกเข้าไปในลำคอ จนเหมือนพวกมันถูกแล่ด้วยมีดจนคอเกือบขาด ซึ่งก็เป็นลักษณะตามธรรมชาติของฉลามครุย

        เชื่อว่าปลาฉลามชนิดนี้ กระจายพันธุ์อยู่ในเขตน้ำลึกใกล้นอร์เวย์, แอฟริกาใต้, นิวซีแลนด์และชิลี





Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Best Hostgator Coupon Code